วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เทศกาล ดูปู เที่ยวพุ ถ่อแพ ที่ห้วยเขย่ง


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี ร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ได้จัดโครงการ เทศกาลดูปู เที่ยวพุ ถ่อแพ ที่ห้วยเขย่ง ขึ้นตลอดเดือน กรกฎาคม 2553 เพื่อนำเสนอกิจกรรมท่องเที่ยว และแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักของตำบลห้วยเขย่ง ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวมายังพื้นที่ตำบลห้วยเขย่งให้เพิ่มมากขึ้น


ซึ่งมีการแถลงข่าวเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2553 ณ ภูไอยรารีสอร์ท จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีกำนันคำแสง มีทา กำนันตำบลห้วยเขย่ง คุณอิสสระพงษ์ แทนศิริ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกาญจนบุรี คุณทัศนัย เปิ้นสมุทร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เป็นผู้ร่วมแถลงข่าว โครงการ เทศกาลดูปู เที่ยวพุ ถ่อแพ ที่ห้วยเขย่ง
ททท. เชิญคุณมาเพลิดเพลินกับการเที่ยวชมธรรมชาติในผืนป่าตะวันตกแห่งเมืองกาญจน์ ล่องเรือ ถ่อแพ ชมลำธาร ต้นกำเนิดแห่งชีวิตป่าตระการตากับมหัศจรรย์แห่งพันธุ์พืชในป่าพุ ดูปูน้ำจืดสามสีสุดสวยสัมผัสวิถีชีวิตพื้นบ้าน ชื่นชมวัฒนธรรมพื้นเมือง ลองชิมอาหารท้องถิ่นเลิศรส ผลไม้รสดีจากสวน ปลาสดขึ้นชื่อจากเขื่อน และพืชผักสดๆ จากป่าทองผาภูมิ พักผ่อนนอนสบายในโฮมสเตย์ หรือเลือกพักรีสอร์ทสวยไสตล์ธรรมชาติ แล้วไปพิสูจน์ความแข็งแรงของหัวใจ กับกิจกรรมท่องเที่ยวผจญภัย หลากหลายรูปแบบ

กิจกรรม Zip Line

2 ชั่วโมงแห่งการผจญภัย กับการโรยตัวด้วยรอกผ่านหุบเขาและฐานกิจกรรมต่างๆ เหนือยอดไม้ของป่าห้วยเขย่ง สนุก เร้าใจ บนความปลอดภัยระดับมาตรฐานโลก
กิจกรรมบนสายน้ำ

ล่องเรือคยัก เรือยาง แพไม้ไผ่ และห่วงยาง บนสายน้ำห้วยปากคอก “สวรรค์ของคนรักการล่องเรือ”

ชมพุปูราชินี

แหล่งน้ำจืด 3 สีที่สวยงามและหาชมได้ยาก มีให้ชมเฉพาะในช่วงฤดูฝน ในพื้นที่ตำบลห้วยเขย่งเท่านั้น
ชมพุหนองปลิง
อลังการแห่งพืชพรรณไม้ และหนองน้ำของป่าพุโบราณ ที่ยังคงความสมบูรณ์ทางชัวภาพไว้ได้อย่างน่าทึ่ง
ถ้ำ 28

ชมความงามของหินงอกหินย้อย และค้างคาวกิตติ “สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เล็กที่สุดในโลก”

ท่องเที่ยวเชิงเกษตร

ชิมเงาะทองผาภูมิที่ขึ้นชื่อ ทุเรียนมังคุดสดจากสวน และเที่ยวชมแปลงดอกไม้สวยภายในหมู่บ้าน
ฟอสซิลหอย 280 ล้านปี

เป็นฟอสซิลหอย ที่มีลักษณะคล้ายหอยแครง ถูกค้นพบเมื่อปลายปี 2548 ในบริเวณถ้ำบนยอดเขานิชา (ตั้งอยู่ที่บ้านไร่ป้า)
นั่งห้างดูช้างป่า

ตื่นเต้นประทับใจกับกิจกรรมเฝ้าสังเกตพฤติกรรมฝูงช้างป่า
ต้นไม้ยักษ์

ชมต้นขมิ้นดำขนาดใหญ่ กว่า 10 คนโอบ

กิจกรรมขี่รถ ATV

เที่ยวชมป่าเขียว หมอกขาว ในเส้นทางธรรมชาติที่สวยงาม
บึงน้ำทิพย์

ผจญภัยไปกับเส้นทางสู่บึงน้ำลึกลับบนยอดเขา แห่งเดียวในประเทศไทยที่ใสประดุจมรกต และมีน้ำขังอยู่ตลอดทั้งปี บนพื้นที่ 15 ไร่ ความลึก 15 เมตร และไม่มีปลาอาศัยอยู่แม้แต่ตัวเดียว
ชิมอาหารท้องถิ่น

ลาบปลาตะเพียน (ทอดเกล็ดปลาโรยหน้า) ห่อหมกด้วยกระบอกไม้ไผ่, ยำก๊อกซอยพม่า, น้ำพริกแตงเปรี้ยวและผักสด, แกงป่า, แกงฮังเล
ชมศิลปวัฒนธรรม

ของชาวกะเหรี่ยง พม่า มอญ เช่น การบายศรีสู่ขวัญ,ฐ การรำมอญ, การรำพม่า, เต๊ะหน่า, รำตง, รำกระทบไม้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

ศูนย์บริการท่องเที่ยวชุมชนห้วยเขย่ง
โทร. 080-068-6086, 084-723-6063, 089-043-8182
ททท. สำนักงานกาญจนบุรี

โทร. 034-511200, 034-451-2500

ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกาญจนบุรี
และข้อมูลจาก http://travel.mthai.com/view/40935.travel

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

"กทม."คว้ารางวัลเมืองน่าท่องเที่ยวที่สุดในโลกปี2010 "เชียงใหม่"อันดับ2

       นิตยสารเทรเวล แอนด์ เลชเชอร์ (Travel & Leisure ) นิตยสารด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่อยู่ในเครือของ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส (American Express) จะทำการประกาศผลหลังจากที่ทำการออกแบบสอบถามผู้อ่านให้จัดลำดับแบ่งตามประเภทรางวัล อาทิ เมืองที่ดีที่สุด หมู่เกาะที่ดีที่สุด โรงแรมที่ดีที่สุด สายการบินนานาชาติที่ดีที่สุด เป็นต้น สำหรับรางวัลเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดประจำปี 2010 ของทางนิตยสารนี้ คือ

รางวัลเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของโลก หรือ World’s Best Award ประจำปี 2010 ได้แก่

1. กรุงเทพมหานคร
2. เชียงใหม่ ของประเทศไทย
3. ฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ตามลำดับ

ทั้งนี้การพิจารณาเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลกจะพิจารณาจาก
1. สถานที่ ทัศนียภาพ ความสวยงามและร่มรื่น
2. ศิลปวัฒนธรรมและประเพณี
3. อาหารการกิน
4. แหล่งช็อปปิ้ง
5. ความเป็นมิตรของผู้คน
6. ความคุ้มค่าของเงิน
           ส่วนรางวัลเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของเอเชียเรียงตามลำดับคือ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ประเทศไทย และ เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
ข่าวแจ้งว่า คาดว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. จะเดินทางพร้อมคณะเพื่อไปรับรางวัลดังกล่าวที่จะจัดขึ้น ณ โรงแรม The Trump Soho เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้
            สำหรับรางวัลเมืองน่าท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก ของนิตยสารดังกล่าว ก่อนหน้านี้ ในปี 2008 กรุงเทพมหานคร ก็เคยได้ครองแชมป์ เหนือเมือง บัวโนส ไอเรส แห่ง อาร์เจนติน่า และ เคป ทาวน์ แห่งแอฟริกาใต้ มาแล้ว ซึ่งนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.ในสมัยนั้นก็ได้เดินทางพร้อมคณะไปรับรางวัลดังกล่าว
             ขณะที่ตำแหน่งเมืองน่าเที่ยวระดับโลก ในปี 2009 กรุงเทพฯ ตกมาอยู่อันดับที่ 3 รองจาก เมืองอุไดเปอร์ ประเทศอินเดีย และเคปทาวน์ แห่งแอฟริกาใต้ ตามลำดับ ส่วนเมืองน่าเที่ยวแห่งเอเชีย นั้นกรุงเทพฯ อยู่อันดับที่สอง และเชียงใหม่อยู่ดับดับที่สาม ส่วนที่หนึ่งตกเป็นของเมืองอุไดเปอร์ ประเทศอินเดีย
           ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม ว่า รู้สึกดีใจที่ได้รางวัลนี้ และจะเดินทางไปรับรางวัลด้วยตัวเอง ส่วนเหตุผลที่กทม. ยังได้รางวัลอันดับ1เมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลกและเอเชีย ทั้งๆที่ ปีนี้มีข่าวการชุมนุมทางการเมืองตลอดทั้งปี ผู้วาฯ กทม. กล่าวว่า ถือเป็นความโชคดีที่นิตยสารดังกล่าวปิดโหวตไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่งเริ่มต้นมีการชุมนุมทางการเมืองในประเทศไทย ขอขอบคุณข้อมูลดีดี จาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1279101174&grpid=00&catid=

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ขอบคุณจากใจทีมงานสยามบุรีฯ

สู่การพักผ่อน ณ เขาตะเกียบ หัวหิน เยือนถิ่นเพลินวาน เข้าตลาดน้ำอัมพวา ของ บริษัทโตไก พลาสติกฯ ณ วันที่ 10-11 ก.ค. 53

สู่การพักผ่อน ณ เขาตะเกียบ หัวหิน เยือนถิ่นเพลินวาน เข้าตลาดน้ำอัมพวา ของ บริษัทโตไก พลาสติกฯ ณ วันที่ 10-11 ก.ค. 53



สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้่าสู่ อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม ลั่นล้ากันตามประสา ชาว โตไก
ได้ชมความงดงาม ของสถาปัตยกรรมแบบไทยๆที่รวบรวมไว้ทั้ง 4 ภาค พร้อมทั้งชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบไทยๆ สมัยโบราณที่จำลองผ่านรูปแบของสื่อ หุ่นขี้ผึ้ง อีกทั้งให้ทุกท่านได้ชมบุคคลสำคัญในแวดวงต่างๆทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ประธานาธิปดีโฮจิมิน,ท่านเหมาเจ๋อตุง, แม่ชี เทเรซ่า, คุณสืบ นาคเสถียร เป็นต้น อีกทั้งชมหุ่นขี้ผึ้ง พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง และเรื่องราวของพระเวสสันดรชาดก เต็มที่กับการเก็บภาพใส่กล้องตัวน้อยๆ

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
  

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หัวข้อกระทู้: สนุกสนานกับนักเรียนโรงเรียนชุมพลโพนพิศัย งทัศนะศึกษา งานสุนทรภู่ ระยอง ณ 24-27 มิ.ย 2553

สวัสดีค่ะ พบกันอีกครั้งกับการเดินทางทัศนะศึกษา วันสุนทรภู่ ณ เมืองระยอง ของน้องๆชาวโรงเรียนโพนพิสัย จ.หนองคาย

แดดอ่อนๆยามเช้า สาดแสงส่องมาให้ผิวได้รับวิตตามินอี ขาวดุจพี่ไก่และพี่เบน ณ วัดเขาชีจรรย์ และชมความอลังการพระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา ที่แกะสลักด้วยทองอันวิจิตร กับกิจกรรมทัศนะศึกษาของกลุ่มน้องๆโรงเรียนชุมพลโพนพิสัย



สาวๆหน้าใสกับหนุ่มหล่อแห่งบ้านโพนพิสัย หนองคายประชันความแนว วัยรุ่นยุค 2010 อิอิ


ศึกษาการอนุรักษ์พันธ์เต่าทะเล เรียนรู้วิธีการหวงแหนธรรมชาติจากพี่ๆนาวิก สุดเท่ห์แห่งท้องทะเลไทย


น้องๆกำลังสนใจในการอนุรักษ์เต่าทะเลไทยอยู่ค่ะ


ดูหน้าไกด์พี่อ้อมซิค่ะ สงสัยเต่าตัวจะใหญ่มากมาย ตะลึง ตะลึง ตะลึง ตึง ตึง ฮ่าๆๆ


ว่าแต่ตะลึงหรือตกใจเนี่ยพี่อ้อม
 
 
 
ท่าทางสมาชิกตัวน้อยของเรากำลังมีความสุขมากๆเลยนะเนี่ย ในการชมเรือ ดูสิทุกคน
 
 
เรามาเรียนรู้สิ่งมีชีวิตใต้น้ำกันเถอะ ดูซิว่ามีอะรน่าสนใจบ้าง


ไกด์พี่ไก่กำลังทำอะไรน่ะ
อิอิงานนี้อาสาให้ความรู้เด็กๆแบบเต็มที่เลยนะคร๊าบบบ
 
 
ปลาที่สวยงาม และสิ่งมีชีวิตที่เกื้อหนุนในระบบนิเวศซึ่งกันและกันในท้องทะเลไทย
 
เที่ยวไทยให้สนุก ต้องเที่ยวกับ สยามบุรีทราเวลทัวร์ น่ะค่ะ

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวสุขใจกับสยามบุรี

ประเพณีแห่เทียนพรรษา และงานประติมากรรมเทียนนานาชาติ ปี 2553

ประเพณีแห่เทียนพรรษา และงานประติมากรรมเทียนนานาชาติ ปี 2553
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนเที่ยวงานประเพณีแห่เทียนพรรษา และงานประติมากรรมเทียนนานาชาติ ณ จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 1 - 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ชมขบวนแห่เทียนพรรษาสวยงามกว่า 60 ขบวน การประกวดต้นเทียน (ประเภทแกะสลักและประเภทติดพิมพ์) การแข่งขันแกะสลักเทียนพรรษาระดับเยาวชน การแกะสลักเทียนและติดพิมพ์ บริเวณคุ้มต่าง ๆ การประกวดธิดาเทียนพรรษา การประกวดภาพถ่าย ความประทับใจในงานเทียน การแสดงแสงเสียง การแสดงทางวัฒนธรรม การแสดงและจัดจำหน่ายสินค้า หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ การรวมศิลปินแห่งชาติและดารานักร้องดังที่เป็นชาวอุบลราชธานี การจัดทำของที่ระลึกเพื่อจัดจำหน่ายและกิจกรรมอื่นอีกมากมาย
งานประเพณีแห่เทียนพรรษา เป็นประเพณีทางพุทธศาสนา ของชาวอุบลฯ ซึ่งมีความเจริญในพุทธศาสนา วัฒนธรรมและประเพณีมาเป็นเวลายาวนาน ถือเป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัดอุบลราชธานี โดยได้กำหนดจัดงานขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 และแรม 1 ค่ำเดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา จัดให้มีขึ้นทุกปี
จากการสอบถามผู้เฒ่าผู้แก่ ได้ความว่า ชาวอุบลราชธานี ได้ทำต้นเทียนประกวดประชันความวิจิตรบรรจงกัน ตั้งแต่ พ.ศ.2470 จนเมื่อปี พ.ศ.2520 จังหวัดอุบลราชธานี ได้จัดงานสัปดาห์ประเพณีแห่เทียนพรรษา ให้เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่และมโหฬาร สถานที่จัดงานคือ บริเวณทุ่งศรีเมืองและศาลาจตุรมุข มีการประกวดต้นเทียน 2 ประเภท คือ ประเภทติดพิมพ์ และประเภทแกะสลัก โดยขบวนแห่จากคุ้มวัดต่างๆ พร้อมนางฟ้าประจำต้นเทียน จะเคลื่อนขบวนจาก หน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม ไปตามถนน มาสิ้นสุดขบวนที่ทุ่งศรีเมือง และการแสดงสมโภชต้นเทียน แลเป็นแสงไฟต้องลำเทียนงามอร่ามไปทั้งงาน ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 เป็นต้นมา
งานประเพณีแห่เทียนพรรษา จ.อุบลราชธานี นอกจากจะเป็นงานที่แสดงออกถึง การยึดมั่นสืบสานงานบุญทางพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัดของชาวเมืองอุบลฯ แล้ว ยังเป็นงานที่แสดงออกถึงวิวัฒนาการด้านศิลปะของสกุลช่างเมืองอุบลฯ อีกด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากบรรดาช่างศิลป์เมืองอุบลฯ ที่มีอยู่มากมายหลากหลายแขนง และผลิตงานด้านศิลปอย่างต่อเนื่องตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปร่วมสมัย งานหัตถกรรมพื้นบ้าน และงานก่อสร้างตกแต่งโบสถ์วิหารต่างๆ จะใช้โอกาสในช่วงเทศกาลนี้กลับมาทดสอบ ทดลองและประลองฝีมีเชิงช่างโดยผ่านต้นเทียนพรรษา ดังนั้น ผู้ที่มาร่วมงานประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี จึงสามารถชื่นชมและศึกษากิจกรรมของงาน ทั้งในด้านการสืบสานจารีตประเพณีพื้นเมือง และในด้านศิลปการตกแต่งต้นเทียนกิจกรรมภายในงานที่สำคัญ ๆ ได้แก่
1. เยือนชุมชน ชมวิถีวัฒนธรรมการตกแต่งต้นเทียน
การไปเยือนชุมชน หรือ คุ้มวัดต่าง ๆ ในช่วงที่กำลังเตรียมการตกแต่งต้นเทียน คือในช่วงประมาณ 2-3 วัน ก่อนวันแห่นั้น นอกจากผู้มาเยือนจะได้ศึกษากรรมวิธีและขั้นตอน การตกแต่งเทียนอันเป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่นแล้ว ยังจะได้สัมผัสบรรยากาศการร่วมแรงร่วมใจ ของชุมชนในการทำกิจกรรมทางพุทธศาสนา ซึ่งถือเป็นวิถีวัฒนธรรมพื้นบ้านที่สำคัญของชาวอุบลฯ สำหรับคุ้มวัดที่น่าสนใจ เช่น วัดบูรพา วัดหนองบัว วัดสว่างอารมณ์ วัดศรีประดู่ทรงธรรม วัดสุทัศวนาราม วัดทุ่งศรีเมือง และวัดผาสุการาม เป็นต้น
2. การเวียนเทียนวันอาสาฬหบูชาที่วัดงามในเมืองอุบลฯ
การเวียนเทียนเนื่องในวันอาสาฬหบูชาจัดขึ้นในช่วงค่ำของ ตามวัดต่างๆ โดยทั่วไปกิจกรรมนี้ นอกจากจะเป็นกิจกรรมที่สำคัญของพุทธศาสนิกชนแล้ว ยังเป็นโอกาสอันดีของผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่จะได้ชื่นชมเอกลักษณ์ ทางสถาปัตยกรรมพื้นเมือง อันงดงามตามวัดต่างๆ ในอีกมิติหนึ่ง
3. การตั้งแสดงต้นเทียนรอบทุ่งศรีเมือง การแสดงงานศิลปะตกแต่งเทียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในช่วงค่ำของวันอาสาฬหบูชา จะเป็นเวลาที่ต้นเทียน พรรษาจากคุ้มวัดต่างๆ กว่า 30 ต้น จะถูกเคลื่อนย้ายมาตั้งไว้ ณ บริเวณถนนรอบๆ ทุ่งศรีเมือง เพื่อเตรียมการเข้าร่วมขบวนแห่ในเช้าวันรุ่งขึ้น ในช่วงนี้ต้นเทียนจะได้รับการตกแต่งอย่างสมบูรณ์ ประกอบกับสถานที่ตั้งจะได้รับการจัดเตรียมไว้อย่างดี เช่น การเตรียมแสงไฟไว้สาดส่องต้นเทียนการประดับประดาบริเวณงาน อย่างเป็นระเบียบ ดังนั้น ในช่วงเวลาดังกล่าว จึงเป็น ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชื่นชมศิลปการตกแต่งเทียนอย่างละเอียดละออ โดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่องเวลา และอาจกล่าวได้ว่าเป็นการแสดงศิลปะตกแต่งเทียนที่งดงาม และสมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทย
4. กิจกรรมขบวนแห่เทียนพรรษา
จะจัดขึ้นในวันรุ่งขึ้น คือวันเข้าพรรษา ตั้งแต่เวลา ประมาณ 08.00 น. เป็นต้นไป โดยจะเคลื่อนขบวนไปตามถนนอุปราช ผ่านหน้าศาลากลาง ไปถนนชยางกูร เป็นระยะทางประมาณ2-3 กม. จึงสลายขบวน รูปแบบของการจัดขบวนประกอบด้วย ขบวนเทียนหลวงพระราชทาน ขบวนต้นเทียนของคุ้มวัดต่าง ๆ ซึ่งแต่ละขบวนจะประกอบด้วยการแสดง การละเล่น การฟ้อนรำ การบรรเลงดนตรีในรูปแบบของศิลปวัฒนธรรมพื้นเมือง การเข้าชมขบวนแห่ ่คณะกรรมการจัดงานจะจัดเตรียมอัฒจันทร์นั่งชมไว้บริการ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด อัตราค่าบริการประมาณท่านละ200 บาท ส่วนการเข้าชมขบวนตามจุดอื่นๆ นั้นสามารถชมได้ตามอัธยาศัยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ขบวนดังกล่าวปกติจะเสร็จสิ้นในช่วงบ่าย
5. กิจกรรมทำบุญถวายเทียนพรรษา
เป็นกิจกรรมที่ถือได้ว่าเป็นหัวใจของประเพณีบุญเข้าพรรษา โดยพุทธศาสนิกชนจะนำเทียนพรรษา ผ้าอาบน้ำฝน และเครื่องใช้ที่จำเป็นอื่น ๆ ไปถวายพระสงฆ์ตามวัดใกล้บ้านเพื่อสืบสานงานบุญและเป็นศิริมงคลแก่ตนเอง กิจกรรมนี้ผู้มาเยือนสามารถศึกษาชื่นชมและร่วมกิจกรรมได้ตามวัดทั่ว ๆ ไป
6. กิจกรรมอื่นๆ
นอกจากกิจกรรมดังกล่าวข้างต้นแล้ว คณะกรรมการจัดงานยังได้จัดกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น การแสดงทางศิลปวัฒนธรรมพื้นเมือง การจัดงานพาแลง และการประกวดธิดาเทียนพรรษา ณ ลานเทียนเฉลิมพระเกียรติ ทุ่งศรีเมือง
กองสร้างสรรค์กิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทร. 0 2250 5500 ต่อ 2475-7
การเดินทาง
โดยรถประจำทาง
มีทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียง เหนือ (ถนนกำแพงเพชรหมอชิต2) ทุกวันสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.936-1880,936-0657, 936- 0667, 936-2852 ที่อุบลราชธานี โทร. (045) 241831
โดยรถไฟ
มีรถด่วน และรถเร็ว กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี ทุกวัน และยังมีรถธรรมดาจากนครราชสีมา- อุบลราชธานี และสุรินทร์-อุบลราชธานี อีกด้วย รายละเอียดสอบถามได้ที่หน่วยบริการเดินทาง โทร. 223- 7010, 223-7020
โดยทางอื่น
ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ไปสระบุรี เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ต่อด้วย ทางหลวงหมายเลข 24 (สายโชคชัย-เดชอุดม) ไปจนถึงอุบลราชธานี หรือใช้ เส้นทางกรุงเทพฯ- นครราชสีมา แล้วต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 226 ผ่านบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และเข้าสู่จังหวัด อุบลราชธานี
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มีเครื่องบินรับส่งผู้โดยสารระหว่างกรุงเทพฯ- อุบลราชธานี ทุกวัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.(02) 280-0060, 628-2000 หรือที่ จังหวัดอุบลราชธานี โทร. (045)313340-3

http://1081009.tourismthailand.org/