วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ตามรอยมังกรที่เยาวราช  
          หากเปรียบประเทศจีนเป็น ดั่งมังกร เยาวราช ก็คงจะไม่ต่างอะไร จากมังกรตัวใหญ่ที่ยังคงผงาดอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง ของยุคสมัยได้อย่างสง่างาม เพราะเยาวราชไม่ได้เป็นเพียง ย่านการค้าและที่อยู่อาศัยของชาวจีนเพียงเท่านั้น แต่ยังเปรียบ เสมือนสายใยที่เชื่อมโยงลูกหลานชาวจีนในเมืองไทยให้คงไว้ซึ่ง รากเหง้าแห่งวัฒนธรรมดั้งเดิมได้อย่างเหนียวแน่น

     สถานที่แรกคือ ข้าวแกง เจ๊กปุ้ยปากซอยมังกร มีเอกลักษณ์คือ ต้องนั่งกินบน เก้าอี้กลม ไม่มีโต๊ะ มือหนึ่ง ถือจาน อีกมือตักข้าวใส่ปาก ได้บรรยากาศยองยองเหลาสุดๆ




     นมัสการ หลวงพ่อทองคำ วัดไตรมิตรวิทยาราม สักการะพระพุทธรูปทองคำ องค์แรกของไทย ที่หนังสือ กินเนสส์บุ๊ค ปี 1991 บันทึก เอาไว้ว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

     วัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ มีเทพเจ้าที่คน นับถือกราบไหว้ อาทิ ไท้ส่วย เอี๊ยะ เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา ไฉ่ซิ้งเอี๊ยะ เทพเจ้าแห่งโชค ลาภ ไต่เสี่ยหุกโจ้ว เทพเจ้า เฮ่งเจีย ในวันพระจีน จะมีคนแวะ มาไหว้จนควันธูปตลบไปทั่ว

      China Gate ซุ้มประตู เฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา สร้างขึ้นบริเวณวงเวียนโอเดียนเก่า ตกแต่งด้วยแผ่นทองคำเป็นรูป มังกรสองตัว เชิดชูตราสัญลักษณ์ พระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ตามความเชื่อว่าจักรพรรดิ์ กำเนิดมาจากมังกร

     อร่อยลิ้นกับ ลอดช่องสิงค์โปร์ ขายอยู่ใกล้กับโรงหนังสิงค์โปร์ คนสมัยก่อนนิยมกินหลังดูหนังเสร็จ

     เอี๊ยะแซ สภากาแฟจีน ที่เก่าแก่ที่สุด ของย่านนี้ ที่เด็ดทั้งรสชาติและ บรรยากาศ

     พิพิธภัณฑ์ทองคำ ห้างทองตั้งโต๊ะกัง เกิดจากความคิดของเจ้าของ กิจการ ที่ต้องการอนุรักษ์เครื่องมือ ทำทองสมัยโบราณมาจัดแสดง ภายในตึกโบราณของห้างทอง ที่สร้างมาตั้งแต่สมัย ร. 6 ถือเป็น ตึกสูงที่สุดของเยาวราชในสมัยนั้น


     และแล้วสถานที่สุดท้ายของวันก็คือ สำเพ็ง ถนนเศรษฐกิจของชาวจีน ในย่านนี้มาตั้งแต่สมัย ร. 1 ถึง ร. 5 ปัจจุบัน เป็นตลาดขายส่งที่ใหญ่ที่สุด ในกรุงเทพฯ

     เสน่ห์อย่างหนึ่งของเยาวราชก็คือสีสันที่หลากหลายต่าง กันไปตามช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน ภาพชีวิต ณ ย่านเก่าแห่งนี้ แต่ละโมงยามก็ไม่เคยซ้ำฉากกันเลย...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น