วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553


ล่องเรือเที่ยวอยุธยา


             อดีตราชธานีกรุงศรีอยุธยาได้รับการยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ( ยูเนสโก ) ให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกทางวัฒนธรรม  ด้วยเอกลักษณ์เฉพะของความเป็นเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำลำคลอง  ตัวเมืองหรือที่เรียกว่า  " เกาะเมือง " โอบล้อมด้วยแม่น้ำ 3 สาย คือ  แม่น้ำป่าสัก  แม่น้ำลพบุรี  และแม่น้ำเจ้าพระยา  ซึ่งเชื่อมกับเครือข่ายคลองธรรมชาติและคลองขุดจนได้รับฉายาจากชาวตะวันตกที่ ว่าเยือนกรุงศรีอยุธยาว่า " เวนิสแห่งตะวันออก "  เส้นทางล่องเรือไปตามแม่น้ำลำคลองจะพาเราไปตื่นตากับความรุ่งเรืองแห่งมรดก ทางวัฒนธรรมไทยที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก  พร้อมดื่มด่ำกับเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมชุมชนริมน้ำในบรรยากาศเมืองเก่าในตัว เมืองอยุธยา  และวิถีชนบทท้องทุ่งใกล้กรุงเทพฯ ที่อำเภอเสนา
          เส้นทางล่องชมความงามรอบเกาะเมือง   เริ่มจากตลาดหัวรอล่องไปตามคลองคูเมืองซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำลพบุรีพบกับแม่ น้ำป่าสักคลองคูเมืองบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระที่บ้านหัวแหลม   ซึ่งเป็นแหล่งหัตถกรรมสานปลาตะเพียนเก่าแก่  จากนั้นล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา  เพื่อดื่มด่ำกับความยิ่งใหญ่ของโบราณสถานริมแม่น้ำ 
จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
1. ป้อมเพชร  ป้อมปราการสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ที่บริเวณที่แม่น้ำเจ้าพระยาบรรจบกับแม่น้ำป่าสักที่บางกะจะในอดีต จากป้อมเพชรสามารถมองเห็นเรือที่จะเข้ามาเทียบท่า  ณ เกาะเมืองกรุงศรีอยุธยา  ลักษณะป้อมก่อด้วยอิฐสลับศิลาแลง  มีช่องคูหาก่อเป็นรูปโค้งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นที่ตั้งปืนใหญ่ประจำป้อม
2. วัดพุทไธศวรรย์  สร้างใน บริเวณที่สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ( ครองราชย์ พ.ศ. 1893 - 1912 ) ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาทรงประทับก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยา โปรดเกล้าฯ  ให้สร้างวัดนี้ในปีพ.ศ. 1896 เพื่อเป็นอนุสรณ์  ด้านหน้าปรางค์องค์ใหญ่ ประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง
3. โบสถ์นักบุญยอแซฟ  ตั้งอยู่ในบริเวณหมู่บ้านฝรั่งเศสสมัยอยุธยาโบสถ์แห่งนี้ถูกทำลายไปเมื่อ กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า  พ.ศ. 2310  และสร้างใหม่สมัยรัชกาลที่4
4. วัดไชยวัฒนาราม   สร้างในปี พ.ศ. 2173 ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมสมัยอยุธยาตอนปลายผังของวัดจำลองจากคติ จักรวาล  ในพุทธศาสนาพระปรางค์ประธานแทนเขาพระสุเมรุศูนย์กลางจักรวาล   ล้อมรอบด้วยปรางค์บริวารประจำมุมสี่ทิศแทนทวีปใหญ่สี่แห่ง  ในเมรุรายประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องอย่างกษัตริย์
5. เจดีย์พระศรีสุริโยทัย  สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่สมเด็จพระศรีสุริโยทัยซึ่งสิ้นพระชนม์คราวศึก ยุทธหัตถี ในปี พ.ศ. 2091
6. วัดพนัญเชิงวรวิหาร   ตั้งอยู่ตรงชุมทางที่แม่น้ำเจ้าพระยาบรรจบกับแม่น้ำป่าสัก เรียกว่า บางกะจะ  ซึ่งในสมัยอยุธยาเป็นท่าเรือสำคัญและเป็นย่านพ่อค้าเรือสำเภาชาวจีน  ภายพระอุโบสถประดิษฐาน พระพุทธไตรรัตนนายก  หรือที่ชาวจีนเรียกว่า หลวงพ่อซำปอกง  ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
7. หมู่บ้านโปรตุเกส   ชาวโปรตุเกสเป็นชาติแรกที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2054 ต่อมาได้รับพระราชทานที่ดินให้เป็นที่ตั้งชุมชนนอกเกาะเมืองด้านตะวันตก เฉียงใต้ โบสถ์ที่เห็นปัจจุบันสร้างสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม  ( ครองราชย์ พ.ศ. 2153 - 2171 ) เมื่อกรมศิลปกรได้ดำเนินการขุดแต่งและบูรณะบริเวณดังกล่าว ได้พบโบราณวัตถุต่างๆ มากมาย  เช่น  เศษเครื่องถ้วยจีน  โครงกระดูก  เครื่องหมายกางเขน
8. หมู่บ้านญี่ปุ่น  เริ่มแรกชาวญี่ปุ่น  เข้ามาติดต่อการค้าขายกับกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในปี พ.ศ. 2135 ได้อาสารบในกองทัพโดยมีออกญาเสนาภิมุข  หรือ ยามาดา นางามาซา  เป็นผู้บังคับบัญชาการ  ปัจจุบันบริเวณหมู่บ้านญี่ปุ่นเป็นที่ตั้งอาคารผนวกศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา  ภายในจัดแสดงนิทรรศการความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับต่างประเทศ  ได้แก่  จีน ริวกิว  โปรตุเกส  ญี่ปุ่น  ฮอลันดา  อังกฤษ  ฝรั่งเศส  อินเดีย  เปอร์เซีย และมลายู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น