ล่องเรือเที่ยวอยุธยา
อดีตราชธานีกรุงศรีอยุธยาได้รับการยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ( ยูเนสโก ) ให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกทางวัฒนธรรม ด้วยเอกลักษณ์เฉพะของความเป็นเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำลำคลอง ตัวเมืองหรือที่เรียกว่า " เกาะเมือง " โอบล้อมด้วยแม่น้ำ 3 สาย คือ แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรี และแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเชื่อมกับเครือข่ายคลองธรรมชาติและคลองขุดจนได้รับฉายาจากชาวตะวันตกที่ ว่าเยือนกรุงศรีอยุธยาว่า " เวนิสแห่งตะวันออก " เส้นทางล่องเรือไปตามแม่น้ำลำคลองจะพาเราไปตื่นตากับความรุ่งเรืองแห่งมรดก ทางวัฒนธรรมไทยที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก พร้อมดื่มด่ำกับเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมชุมชนริมน้ำในบรรยากาศเมืองเก่าในตัว เมืองอยุธยา และวิถีชนบทท้องทุ่งใกล้กรุงเทพฯ ที่อำเภอเสนา
เส้นทางล่องชมความงามรอบเกาะเมือง เริ่มจากตลาดหัวรอล่องไปตามคลองคูเมืองซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำลพบุรีพบกับแม่ น้ำป่าสักคลองคูเมืองบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระที่บ้านหัวแหลม ซึ่งเป็นแหล่งหัตถกรรมสานปลาตะเพียนเก่าแก่ จากนั้นล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อดื่มด่ำกับความยิ่งใหญ่ของโบราณสถานริมแม่น้ำ
จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
1. ป้อมเพชร ป้อมปราการสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ที่บริเวณที่แม่น้ำเจ้าพระยาบรรจบกับแม่น้ำป่าสักที่บางกะจะในอดีต จากป้อมเพชรสามารถมองเห็นเรือที่จะเข้ามาเทียบท่า ณ เกาะเมืองกรุงศรีอยุธยา ลักษณะป้อมก่อด้วยอิฐสลับศิลาแลง มีช่องคูหาก่อเป็นรูปโค้งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นที่ตั้งปืนใหญ่ประจำป้อม
2. วัดพุทไธศวรรย์ สร้างใน บริเวณที่สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ( ครองราชย์ พ.ศ. 1893 - 1912 ) ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาทรงประทับก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยา โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดนี้ในปีพ.ศ. 1896 เพื่อเป็นอนุสรณ์ ด้านหน้าปรางค์องค์ใหญ่ ประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง
3. โบสถ์นักบุญยอแซฟ ตั้งอยู่ในบริเวณหมู่บ้านฝรั่งเศสสมัยอยุธยาโบสถ์แห่งนี้ถูกทำลายไปเมื่อ กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า พ.ศ. 2310 และสร้างใหม่สมัยรัชกาลที่4
4. วัดไชยวัฒนาราม สร้างในปี พ.ศ. 2173 ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมสมัยอยุธยาตอนปลายผังของวัดจำลองจากคติ จักรวาล ในพุทธศาสนาพระปรางค์ประธานแทนเขาพระสุเมรุศูนย์กลางจักรวาล ล้อมรอบด้วยปรางค์บริวารประจำมุมสี่ทิศแทนทวีปใหญ่สี่แห่ง ในเมรุรายประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องอย่างกษัตริย์
5. เจดีย์พระศรีสุริโยทัย สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่สมเด็จพระศรีสุริโยทัยซึ่งสิ้นพระชนม์คราวศึก ยุทธหัตถี ในปี พ.ศ. 2091
6. วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งอยู่ตรงชุมทางที่แม่น้ำเจ้าพระยาบรรจบกับแม่น้ำป่าสัก เรียกว่า บางกะจะ ซึ่งในสมัยอยุธยาเป็นท่าเรือสำคัญและเป็นย่านพ่อค้าเรือสำเภาชาวจีน ภายพระอุโบสถประดิษฐาน พระพุทธไตรรัตนนายก หรือที่ชาวจีนเรียกว่า หลวงพ่อซำปอกง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
7. หมู่บ้านโปรตุเกส ชาวโปรตุเกสเป็นชาติแรกที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2054 ต่อมาได้รับพระราชทานที่ดินให้เป็นที่ตั้งชุมชนนอกเกาะเมืองด้านตะวันตก เฉียงใต้ โบสถ์ที่เห็นปัจจุบันสร้างสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ( ครองราชย์ พ.ศ. 2153 - 2171 ) เมื่อกรมศิลปกรได้ดำเนินการขุดแต่งและบูรณะบริเวณดังกล่าว ได้พบโบราณวัตถุต่างๆ มากมาย เช่น เศษเครื่องถ้วยจีน โครงกระดูก เครื่องหมายกางเขน
8. หมู่บ้านญี่ปุ่น เริ่มแรกชาวญี่ปุ่น เข้ามาติดต่อการค้าขายกับกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในปี พ.ศ. 2135 ได้อาสารบในกองทัพโดยมีออกญาเสนาภิมุข หรือ ยามาดา นางามาซา เป็นผู้บังคับบัญชาการ ปัจจุบันบริเวณหมู่บ้านญี่ปุ่นเป็นที่ตั้งอาคารผนวกศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา ภายในจัดแสดงนิทรรศการความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับต่างประเทศ ได้แก่ จีน ริวกิว โปรตุเกส ญี่ปุ่น ฮอลันดา อังกฤษ ฝรั่งเศส อินเดีย เปอร์เซีย และมลายู
1. ป้อมเพชร ป้อมปราการสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ที่บริเวณที่แม่น้ำเจ้าพระยาบรรจบกับแม่น้ำป่าสักที่บางกะจะในอดีต จากป้อมเพชรสามารถมองเห็นเรือที่จะเข้ามาเทียบท่า ณ เกาะเมืองกรุงศรีอยุธยา ลักษณะป้อมก่อด้วยอิฐสลับศิลาแลง มีช่องคูหาก่อเป็นรูปโค้งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นที่ตั้งปืนใหญ่ประจำป้อม
2. วัดพุทไธศวรรย์ สร้างใน บริเวณที่สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง ( ครองราชย์ พ.ศ. 1893 - 1912 ) ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาทรงประทับก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยา โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดนี้ในปีพ.ศ. 1896 เพื่อเป็นอนุสรณ์ ด้านหน้าปรางค์องค์ใหญ่ ประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง
3. โบสถ์นักบุญยอแซฟ ตั้งอยู่ในบริเวณหมู่บ้านฝรั่งเศสสมัยอยุธยาโบสถ์แห่งนี้ถูกทำลายไปเมื่อ กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า พ.ศ. 2310 และสร้างใหม่สมัยรัชกาลที่4
4. วัดไชยวัฒนาราม สร้างในปี พ.ศ. 2173 ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมสมัยอยุธยาตอนปลายผังของวัดจำลองจากคติ จักรวาล ในพุทธศาสนาพระปรางค์ประธานแทนเขาพระสุเมรุศูนย์กลางจักรวาล ล้อมรอบด้วยปรางค์บริวารประจำมุมสี่ทิศแทนทวีปใหญ่สี่แห่ง ในเมรุรายประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องอย่างกษัตริย์
5. เจดีย์พระศรีสุริโยทัย สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่สมเด็จพระศรีสุริโยทัยซึ่งสิ้นพระชนม์คราวศึก ยุทธหัตถี ในปี พ.ศ. 2091
6. วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งอยู่ตรงชุมทางที่แม่น้ำเจ้าพระยาบรรจบกับแม่น้ำป่าสัก เรียกว่า บางกะจะ ซึ่งในสมัยอยุธยาเป็นท่าเรือสำคัญและเป็นย่านพ่อค้าเรือสำเภาชาวจีน ภายพระอุโบสถประดิษฐาน พระพุทธไตรรัตนนายก หรือที่ชาวจีนเรียกว่า หลวงพ่อซำปอกง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
7. หมู่บ้านโปรตุเกส ชาวโปรตุเกสเป็นชาติแรกที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2054 ต่อมาได้รับพระราชทานที่ดินให้เป็นที่ตั้งชุมชนนอกเกาะเมืองด้านตะวันตก เฉียงใต้ โบสถ์ที่เห็นปัจจุบันสร้างสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ( ครองราชย์ พ.ศ. 2153 - 2171 ) เมื่อกรมศิลปกรได้ดำเนินการขุดแต่งและบูรณะบริเวณดังกล่าว ได้พบโบราณวัตถุต่างๆ มากมาย เช่น เศษเครื่องถ้วยจีน โครงกระดูก เครื่องหมายกางเขน
8. หมู่บ้านญี่ปุ่น เริ่มแรกชาวญี่ปุ่น เข้ามาติดต่อการค้าขายกับกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในปี พ.ศ. 2135 ได้อาสารบในกองทัพโดยมีออกญาเสนาภิมุข หรือ ยามาดา นางามาซา เป็นผู้บังคับบัญชาการ ปัจจุบันบริเวณหมู่บ้านญี่ปุ่นเป็นที่ตั้งอาคารผนวกศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา ภายในจัดแสดงนิทรรศการความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับต่างประเทศ ได้แก่ จีน ริวกิว โปรตุเกส ญี่ปุ่น ฮอลันดา อังกฤษ ฝรั่งเศส อินเดีย เปอร์เซีย และมลายู
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น