ถนนคนเดินของเชียงใหม่ เป้าหมายมิใช่การเป็น "street fair" ล้วนๆ แต่ความน่าสนใจ
อยู่ตรงที่การเป็นชุมชนแห่งการปะทะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันทั้งผู้ซื้อ-ผู้ขาย-นักท่องเที่ยว-นักแสดงดนตรีเปิดหมวก-ผู้ประกอบการ SMEs และการแสดงออกทางศิลปวัฒนธรรมของล้านนา
...."ถนนคนเดินวันอาทิตย์" บนถนนราชดำเนิน ตัดกับถนนพระปกเกล้าที่จัดขึ้นทุกบ่าย-ค่ำยันดึกทุกวันอาทิตย์ กลายเป็นตลาดบนถนนรูปกากบาทตัดใจกลางเมืองเชียงใหม
่ที่มีคูเมืองล้อมรอบ ผู้คนคลาคล่ำ ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินสวนกันแบบไม่ต้องมีกฎจราจรการเดิน และนับเป็นถนนคนเดินนำร่องแห่งแรก
ที่รัฐบาลและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ริเริ่มจัดขึ้นที่ถนนท่าแพในปี 2545 หลังจากจัดขึ้นประมาณ 10 ครั้ง ก็ได้มอบหมายให้เทศบาลนครเชียงใหม่เป็นเจ้าภาพดูแล
จากนั้นได้ย้ายมาปักหลักเปิดที่ ถนนราช ดำเนิน จนประสบความสำเร็จจนทุกวันนี้ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเชียงใหม่ และถูกบรรจุในโปรแกรมการท่องเที่ยวโลกไปแล้ว
....ถนนคนเดินแห่งนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่สถานที่ให้ผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของที่ระลึก แต่ยังเป็นถนนที่สร้างกิจกรรมหลากหลายให้เกิดขึ้น ทั้งนักดนตรีไทยตัวน้อยและรุ่นใหญ
่ที่นั่งเล่นดนตรีเปิดหมวกกลางถนนอย่างไม่ขัดเขิน ซุ้มนวดแผนโบราณแทรกซึมไปทุกระยะ สินค้าหัตถกรรมเรียงรายสลับกันตลอดเส้นทาง มีทั้งแบบชิ้นเดียวในโลก และทำกับมือให้เห็นกันจะจะก็มีอยู่มาก เป็นสีสันที่หาดูได้ยาก
...และหากเจาะไปแต่ละร้านก็อาจจะพบกับสินค้าแปลกใหม่ ด้วยไอเดียธุรกิจใหม่ๆ และอาจจะทึ่งว่าคิดได้อย่างไรกลายเป็นสถานบ่มเพาะผู้ประกอบการใหม่ หรือ SMEs เกิดขึ้นมากมาย บางรายประสบความสำเร็จเป็นผู้ส่งออก และรับออร์เดอร์เป็นหลักล้านบาท
จากข้อมูลของเทศบาลนครเชียงใหม่ พบว่าปัจจุบันมีจำนวนร้านค้าบนถนนราชดำเนินและจุดสี่แยกกลางเวียงถนนที่เชื่อมต่อกับถนนราชดำเนิน รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 3,000 ร้านค้า มีผู้คนเดินอาทิตย์ละไม่ต่ำกว่า 50,000 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวคนไทยที่มาจากต่างจังหวัดประมาณ 30% คนภายในจังหวัดเชียงใหม่และใกล้เคียงประมาณ 50% และนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 20% และล่าสุดจากการประเมินมูลค่าการขายทั้งหมดพบว่ามีเงินสะพัดต่อปีมากกว่า 200 ล้านบาท

...บรรยากาศของถนนคนเดินวัวลายมิได้แตกต่างจากถนนราชดำเนินมากนัก แต่เสน่ห์อยู่ที่ถนนที่มีเอกลักษณ์ทางด้านเครื่องเงิน การตีเงิน มีชุมชนดั้งเดิมที่ยังอนุรักษ์หมู่บ้านผลิตเครื่องเงินโบราณของจังหวัดเชียงใหม่ไว้อยู่
...ถนนคนเดินสายนี้ เปิดขึ้นทุกบ่าย-ค่ำของทุกวันเสาร์ เพื่อต้องการพลิกฟื้นประวัติ ศาสตร์ของแหล่งชุมชนผลิตเครื่องเงินที่มีชื่อเสียงของเชียงใหม่และเพื่อสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่
ที่หลากหลายให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศมีแหล่งซื้อขาย พักผ่อน
และซึมซับบรรยากาศแบบทางเหนืออีก แห่งหนึ่ง โดยได้เริ่มทดลองตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2547 ก
ระทั่งล่าสุดได้ประกาศทำโครงการต่อเนื่องไปอีกโดยไม่มีกำหนด เพื่อพัฒนาให้เป็น
แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่แบบยั่งยืนของเชียงใหม่ควบคู่กับถนนคนเดินวันอาทิตย์
...ภาพในวันนี้ของถนนคนเดินเชียงใหม่ ถือเป็น "road event marketing" เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดท่องเที่ยวที่ขายตัวเองได้ มีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมและกิจกรรมที่เด่นชัด สามารถผ่อนคลายและช็อปปิ้งได้ในเวลาเดียวกัน เป็นโปรดักต์ชิ้นงามที่ต้องเร่งพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแบบยั่งยืนต่อไป
อยู่ตรงที่การเป็นชุมชนแห่งการปะทะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันทั้งผู้ซื้อ-ผู้ขาย-นักท่องเที่ยว-นักแสดงดนตรีเปิดหมวก-ผู้ประกอบการ SMEs และการแสดงออกทางศิลปวัฒนธรรมของล้านนา

...."ถนนคนเดินวันอาทิตย์" บนถนนราชดำเนิน ตัดกับถนนพระปกเกล้าที่จัดขึ้นทุกบ่าย-ค่ำยันดึกทุกวันอาทิตย์ กลายเป็นตลาดบนถนนรูปกากบาทตัดใจกลางเมืองเชียงใหม
่ที่มีคูเมืองล้อมรอบ ผู้คนคลาคล่ำ ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินสวนกันแบบไม่ต้องมีกฎจราจรการเดิน และนับเป็นถนนคนเดินนำร่องแห่งแรก
ที่รัฐบาลและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ริเริ่มจัดขึ้นที่ถนนท่าแพในปี 2545 หลังจากจัดขึ้นประมาณ 10 ครั้ง ก็ได้มอบหมายให้เทศบาลนครเชียงใหม่เป็นเจ้าภาพดูแล
จากนั้นได้ย้ายมาปักหลักเปิดที่ ถนนราช ดำเนิน จนประสบความสำเร็จจนทุกวันนี้ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเชียงใหม่ และถูกบรรจุในโปรแกรมการท่องเที่ยวโลกไปแล้ว
....ถนนคนเดินแห่งนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่สถานที่ให้ผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของที่ระลึก แต่ยังเป็นถนนที่สร้างกิจกรรมหลากหลายให้เกิดขึ้น ทั้งนักดนตรีไทยตัวน้อยและรุ่นใหญ
่ที่นั่งเล่นดนตรีเปิดหมวกกลางถนนอย่างไม่ขัดเขิน ซุ้มนวดแผนโบราณแทรกซึมไปทุกระยะ สินค้าหัตถกรรมเรียงรายสลับกันตลอดเส้นทาง มีทั้งแบบชิ้นเดียวในโลก และทำกับมือให้เห็นกันจะจะก็มีอยู่มาก เป็นสีสันที่หาดูได้ยาก
...และหากเจาะไปแต่ละร้านก็อาจจะพบกับสินค้าแปลกใหม่ ด้วยไอเดียธุรกิจใหม่ๆ และอาจจะทึ่งว่าคิดได้อย่างไรกลายเป็นสถานบ่มเพาะผู้ประกอบการใหม่ หรือ SMEs เกิดขึ้นมากมาย บางรายประสบความสำเร็จเป็นผู้ส่งออก และรับออร์เดอร์เป็นหลักล้านบาท
จากข้อมูลของเทศบาลนครเชียงใหม่ พบว่าปัจจุบันมีจำนวนร้านค้าบนถนนราชดำเนินและจุดสี่แยกกลางเวียงถนนที่เชื่อมต่อกับถนนราชดำเนิน รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 3,000 ร้านค้า มีผู้คนเดินอาทิตย์ละไม่ต่ำกว่า 50,000 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวคนไทยที่มาจากต่างจังหวัดประมาณ 30% คนภายในจังหวัดเชียงใหม่และใกล้เคียงประมาณ 50% และนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 20% และล่าสุดจากการประเมินมูลค่าการขายทั้งหมดพบว่ามีเงินสะพัดต่อปีมากกว่า 200 ล้านบาท
. นอกเหนือจากความสำเร็จของ "ถนนคนเดินวันอาทิตย์" ที่ลอยติดลมบนไปไกลแล้ว เทศบาลนครเชียงใหม่ยังมีความพยายามที่ จะปลุกปั้นถนนสายอื่นๆ ในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ให้กลายเป็นถนนคนเดินขึ้นมาอีกเส้นหนึ่ง นั่นคือ "ถนนคนเดินวัวลาย"
...บรรยากาศของถนนคนเดินวัวลายมิได้แตกต่างจากถนนราชดำเนินมากนัก แต่เสน่ห์อยู่ที่ถนนที่มีเอกลักษณ์ทางด้านเครื่องเงิน การตีเงิน มีชุมชนดั้งเดิมที่ยังอนุรักษ์หมู่บ้านผลิตเครื่องเงินโบราณของจังหวัดเชียงใหม่ไว้อยู่
...ถนนคนเดินสายนี้ เปิดขึ้นทุกบ่าย-ค่ำของทุกวันเสาร์ เพื่อต้องการพลิกฟื้นประวัติ ศาสตร์ของแหล่งชุมชนผลิตเครื่องเงินที่มีชื่อเสียงของเชียงใหม่และเพื่อสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่
ที่หลากหลายให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศมีแหล่งซื้อขาย พักผ่อน
และซึมซับบรรยากาศแบบทางเหนืออีก แห่งหนึ่ง โดยได้เริ่มทดลองตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน 2547 ก
ระทั่งล่าสุดได้ประกาศทำโครงการต่อเนื่องไปอีกโดยไม่มีกำหนด เพื่อพัฒนาให้เป็น
แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่แบบยั่งยืนของเชียงใหม่ควบคู่กับถนนคนเดินวันอาทิตย์
...ภาพในวันนี้ของถนนคนเดินเชียงใหม่ ถือเป็น "road event marketing" เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดท่องเที่ยวที่ขายตัวเองได้ มีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมและกิจกรรมที่เด่นชัด สามารถผ่อนคลายและช็อปปิ้งได้ในเวลาเดียวกัน เป็นโปรดักต์ชิ้นงามที่ต้องเร่งพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแบบยั่งยืนต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.chiangmai-guideline.com/thai_v/walkingstreet.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น